จีน ออกมาเรียกร้องให้สมาชิกในกลุ่มประเทศ UN ให้หยุดประชุมเรื่อง อุยกูร์ ชี้เป็นการหารือที่มีพื้นฐานจากการหลอกลวงและอคติการเมือง เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ทางการจีนได้ออกมาเรียกร้องให้สหประชาชาติ หรือ UN ให้ยกเลิกการหารือถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ในวันพุธ โดยการหารือครั้งนี้มี สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และ สหราชอาณาจักร เข้าหารือในครั้งนี้
โดยทางการจีนระบุว่า การประชุมถึงหัวข้อดังกล่าว เป็นการประชุมที่มีพื้นฐานจากการหลอกลวง และ ความอคติทางด้านการเมือง
ซึ่งในคำแถลงการครั้งนี้ยังระบุว่า ในปัจจุบันเขตปกครองซินเจียงอุยกูร์อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีเสถียรภาพทั้งด้านเศรษฐกิจและมีพัฒนาอย่างราบลื่น นอกจากนี้ทางการจีนยังยืนว่าประชาชนจากทุกวัฒนธรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง
ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐฯเคยออกมาประกาศว่า กระทำของรัฐบาลจีนต่อชาวมุสลิสในเขตปกครองซินเจียงอุยกูร์เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ ซึ่งถือเป็นชาติแรกของโลกที่ประกาศจุดยืนต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ เช่นเดียวกันกับประเทศแคนาดาที่ออกมาประกาศจุดยืนแบบเดียวกัน
ซึ่งหากอ้างอิงตามเอกสารที่ออกมาเปิดโปงว่าทางการจีนได้ทำการกักตัวชาวมุสลิมที่ค่ายกักกันในพื้นที่ดังกล่าวมากกว่า 1 ล้านคน นอกจากนี้ในเอกสารดังกล่าวยังเคยได้ระบุว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนักในค่ายกักกันดังกล่าว
โดยผู้ที่เข้ารับวัคซีนต้องมีอายุมากกว่า 16 ปี และต้องทำการจองผ่านออนไลน์ล่วงหน้า ซึ่งหลังจากรับวัคซีนเข็มแรกแล้ว ทางสนามบินจะนัดให้มารับเข็มที่สองในอีกสามสัปดาห์ถัดมา ซึ่งการฉีดวัคซีนฟรีในครั้งนี้จะใช้เวลาประมาณสามวัน โดยจะเริ่มในวันที่ 11 พ.ค. และจะสิ้นสุดในวันที่ 13 พ.ค.
เกิดเหตุอุกอาจขึ้น เมื่อหนุ่ม นิวซีแลนด์ ใช้มีด ไล่แทง ประชาชนใน ซุเปอร์มาร์เก็ต จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ห้าราย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่าเกิดเหตุชายลงมือใช้มีดไล่แทงประชาชนในซุเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมือง ดะนีดิน ประเทศนิวซีแลนด์ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าในขณะนี้พวกเขาสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ระบุอีกว่าในระหว่างเกิดเหตุนั้นมีพลเมืองดีได้พยายามหยุดเหตุความรุนแรง พร้อมกับกดตัวผู้ต้องสงสงสัยไว้กับพื้น
ด้านนาง จาซินดา อาเดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ ระบุว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการก่อการร้าย ซึ่งเธอรู้สึกกังวลกับเหตุอุกอาจครั้งนี้ นอกจากนี้เธอยังอยากจะยกย่องความกล้าของพลเมืองดีที่ช่วยกันหยุดยั้งเหตุครั้งนี้
ช็อก! เด็ก ป.6 ยิงเพื่อน ในโรงเรียน เจ็บสามราย
เกิดเหตุน่าสะพรึงขึ้นเมื่อ เด็ก ป.6 ในประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดฉากยิงเพื่อนสองคน และภารโรงในโรงเรียน จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสามราย เมื่อวันที่ 7 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า เกิดเหตุนักเรียนหญิงชั้นประถม 6 ไม่ทราบชื่อ ใช้ปืนเปิดฉากกราดยิงในโรงเรียนเมืองบอยซี รัฐอิดาโฮ ประเทศสหรัฐอเมริกา จนเป็นสาเหตุทำให้นักเรียนเพื่อนร่วมชั้นสองคน และภารโรงในโรงเรียนได้รับบาดเจ็บ
โดยครูหญิงได้ปลดอาวุธของเด็กและควบคุมตัวเด็กเอาไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาเข้าจับกุมเด็กหญิงคนดังกล่าว ซึ่งทางการระบุว่าผู้ก่อเหตุหยิบปืนออกมาจากกระเป๋าและยิงปืนหลายนัด ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบถึงมูลเหตุจูงใจในครั้งนี้
ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสามรายน่าจะมีชีวิตรอดจากเหตุอุกอาจครั้งนี้ ก่อนหน้านี้นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศว่าทางการสหรัฐฯจะออกมาตรการควบคุมการถือครองปืน เพื่อลดเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศ
CEO บริษัท ไฟเซอร์ ร่อนจดหมายเปิดเผยว่า ประเทศรายได้ต่ำ-ปานกลาง เป็นฝ่ายไม่ยอมซื้อวัคซีนเอง แม้ทางบริษัทพยายามติดต่อไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม สำนักข่าว บลูมเบิร์ก รายงานว่า นายอัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของบริษัทไฟเซอร์ ผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิดภายใต้ชื่อเดียวกัน ได้ออกมาระบุ ในจดหมายแจ้งข่าวที่ส่งถึงพนักงานของบริษัทไฟเซอร์
หลังจากที่ นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศสนับสนุนให้มีการผ่อนปรนสิทธิบัตรคุ้มครองวัคซีนต้านโควิดเพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศยากจนสามารถเข้าถึงวัคซีนต้านโควิดอย่างเท่าเทียม
โดยใจความของจดหมายระบุว่า “พวกเราได้หารือกับทุกประเทศเกี่ยวกับจับจองวัคซีนต้านโควิด แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นประเทศที่มีรายได้สูงที่จองวัคซีนเป็นจำนวนมาก ทำให้ผมเกิดความกังวล ซึ่งเราได้พยายามติดต่อกับประเทศรายได้ต่ำ-ปานกลาง ในทุกวิถีทาง เพื่อร้องขอให้พวกเขาจองวัคซีนกับเรา เนื่องจากวัคซีนต้านโควิดมีจำกัด”
นอกจากนี้ในจดหมายยังระบุว่าสาเหตุที่ประเทศรายได้ระดับต่ำ-ปานกลางสั่งซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่นเนื่องจาก เทคโนโลยีที่บริษัทไฟเซอร์ใช้ในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ยังไม่ได้มีการตรวจสอบในประเทศ หรือสามารถจัดหาวัคซีนชนิดอื่นที่ผลิตในท้องถิ่นได้แล้ว
หวังจึงบอกให้ วู พาครอบครัวมาเจอกันเพื่อคุยกันเรื่องการแต่งงาน ถ้าทำไม่ได้พวกเขาจะเลิกกันและให้ทางฝ่ายหญิงคืนเงินให้ตนหมดเดี๋ยวนี้ ซึ่งเธอทำไม่ได้และนำไปสู้การจับกุมในที่สุด
เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง